ด้วยการหมั่นดูแลรักษายางรถยนต์ของท่านเป็นประจำ ยางของท่านจะใช้ต่อไปได้จนถึงวันที่ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่
ยางจะค่อยๆสึกหรอ
ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะพิจารณาได้ว่าจุดใดเป็นจุดที่สมรรถนะของยางเสื่อมที่จะทำให้ท่านเกิดความกังวลใจ
ถ้าหากรถของท่านไม่เลี้ยวหรือวิ่งบนถนนที่เปียกไม่ดีดังเช่นที่เคยเป็นเหมือนเมื่อก่อน หรือกว่าจะเบรกต้องใช้เวลานาน
หรือมีการสั่นสะเทือนมาก ท่านอาจจะต้องแก้ไขโดยการสับยาง ถ่วงล้อ หรือตั้งศูนย์
หรืออาจถึงเวลาที่ท่านจะต้องเปลี่ยนยางใหม่ก็ได้
คำแนะนำเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการบำรุงรักษายางที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง และเมื่อใดควรจะถึงเวลาที่จะต้องส่งยางรถยนต์ หรือไปที่ศูนย์บริการเพื่อบำรุงรักษา
จงทำให้เกิดเป็นนิสัยประจำในการตรวจสอบความดันลมยาง (ทุกๆ 2-4 สัปดาห์) เนื่องจากยางที่สูบลมโดยมีความดันลมยางที่ถูกต้องจะช่วยให้ท่านขับขี่ได้อย่างปลอดภัย และทำให้อายุการใช้งานยางรถยนต์ยาวนานกว่าปกติ
แม้ว่าโดยเงื่อนไขแห่งหลักการ ยางรถยนต์จะเสียความดันในอัตราประมาณ 0.69 บาร์ (Bar) หรือ 1 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (psi) ต่อเดือน แต่อัตราดังกล่าวนั้นจะเพิ่มขึ้นเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นขอให้ท่านหมั่นตรวจสอบความดันลมยางรถยนต์ของท่านอย่างน้อยที่สุดเดือนละครั้งและดูดอกยางโดยละเอียดถี่ถ้วนเมื่อท่านตรวจสอบยาง ท่านจะเห็นคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องความดันลมยางในคู่มือรถยนต์ของท่านหรือแก้มของยาง
จงมั่นใจว่ายางแต่ละเส้นได้รับการตรวจสอบ ถ้าความดันลมยางต่ำเกินไป นั่นหมายว่าถึงเวลาที่ท่านจะต้องให้อู่ที่ท่านใช้บริการตรวจสอบได้แล้ว ยางรถยนต์ของท่านอาจมีลมซึมออกช้าๆโดยมีสาเหตุเนื่องมาจากขนาดของขอบยางไม่ถูกต้องหรือลิ้นท่อยางผิดขนาด
จงมั่นใจว่ายางรถยนต์ของท่านสึกเสมอกันทุกล้อ โดยการสลับยางทุกๆ 10,000 ถึง 12,000 กม. หรือทุกหกเดือน การสลับยางจะทำให้ยางรถยนต์ของท่านทั้งชุดสึกหรอเท่ากัน ถึงแม้ว่าการสลับยางจะช่วยยืดอายุยางของท่านและเกิดการบังคับและแรงฉุดที่สมดุลได้ แต่การสลับยางยังสามารถช่วยท่านได้ในการบังคับโดยง่ายดายและสะดวกสบายขึ้น น่าจะเป็นความคิดที่ดีถ้าจะมีการสลับยางทุกๆครั้งของการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งที่สอง
โดยปกติยางล้อหน้ารถยนต์ของท่านจะสึกเร็วกว่ายางล้อหลัง ถ้าหากท่านสลับตำแหน่งยางบ่อยๆ จะช่วยให้ยางสึกเท่ากันและดอกยางจะมีอายุการใช้งานนานที่สุด สิ่งที่ควรจดจำที่คุ้มค่ามากคือการสลับยางไม่สามารถแก้ปัญหาการสึกหรอของยางได้ถ้าหากความดันลมยางไม่ถูกต้อง
เป็นความคิดที่ดีถ้าหากท่านจะสลับยางรถยนต์ของท่านทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องครั้งที่สอง (หรือคร่าวๆประมาณ 10,000 ถึง 12,000 กม.) ถ้าหากท่านขับรถเร็ว บรรทุกของหนัก หรือวิ่งรถระยะทางไกลๆ ท่านอาจจะต้องสลับยางบ่อยๆเป็นพิเศษ ท่านควรสลับยางให้เร็วที่สุดที่สามารถทำได้เมื่อสังเกตเห็นว่ายางสึกไม่เท่ากัน ถ้ายางปล่อยเสียงดังหึ่งๆขณะขับขี่รถบนถนนเรียบ นั่นอาจหมายถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องสลับยาง
ด้วยสาเหตุเพราะว่าการสลับยางนั้นเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากจะต้องทำโดยถูกต้องสมบูรณ์ เราจึงใคร่ขอแนะนำให้ท่านใช้บริการของผู้ค้าของท่านหรืออู่รถที่เป็นมืออาชีพดำเนินการแทน อย่างไรก็ตามก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากลำบากเลยเมื่อท่านจะดำเนินการด้วยตนเอง แต่กลับจะเป็นสิ่งดีที่ท่านอาจจะได้ความคิดและความเข้าใจจากการทำด้วยตนเอง เป็นความคิดที่ดีที่ท่านสามารถเข้าใจว่าการสลับยางควรทำอย่างไรถึงแม้ว่าท่านจะให้มืออาชีพดำเนินการแทน ถ้าทำด้วยตนเองท่านก็ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องมือพิเศษ เพียงแต่มีสถานที่และมีเวลาเพียงสองสามชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว ท่านจะต้องตรวจสอบจากคู่มือเจ้าของรถยนต์ของท่านเป็นประจำเสมอๆสำหรับคำแนะนำที่ให้โดยผู้ผลิตรถยนต์ของท่าน เราขอแนะนำท่านให้ปฏิบัติในการสลับยางรถยนต์ของท่านตามรูปแบบดังกล่าวข้างล่างนี้
ท่านควรสลับล้อหน้าไปล้อหลังเฉพาะเมื่อขนาดของยางทั้งหมดเป็นขนาดเดียวกัน (แบบ A-D) ขนาดของยางและล้อของรถยนต์บางประเภทไม่เท่ากัน โดยยางล้อหน้าจะแตกต่างจากเพลาหลัง ในกรณีนี้ ขอแนะนำให้ท่านใช้การสลับแบบ E (ถ้าหากใช้ยางรถยนต์ที่ไม่มีเครื่องหมายบอกทิศทาง) เมื่อสลับยางที่มีดอกยางบอกเครื่องหมายบอกทิศทาง จงหมั่นสังเกตดูลูกศรที่พิมพ์ติดด้านข้างผนังยางเสมอๆ ลูกศรเหล่านี้จะบอกทิศทางการเลี้ยวของยางซึ่งท่านจะต้องให้ความเอาใจใส่ด้วยความระมัดระวัง ในกรณีของยางที่มีขนาดเดียวกันซึ่งเป็นยางที่มีเครื่องหมายบอกทิศทาง ท่านสามารถสลับยางตามแบบ A ได้
ยานพาหนะที่ใช้ยางหรือล้อประเภทบอกทิศทางซึ่งมีขนาดต่างกัน และยางชุดล้อหน้ากับล้อหลังก็แตกต่างกันแต่มีเครื่องหมายบอกทิศทาง จำเป็นต้องถอดยางออกใส่คืน และถ่วงใหม่เพื่อให้การสลับยางทำอย่างถูกต้องสมบูรณ์ จงหมั่นตรวจสอบจากคู่มือของรถยนต์ของท่านเป็นประจำเสมอ
สภาพดอกยางรถยนต์ของท่านเป็นสิ่งบ่งชี้ประการหนึ่งของความสมบูรณ์ของสภาพรถยนต์ การตรวจสอบยางทั้งสี่ล้อเป็นประจำจะช่วยให้ท่านสามารถวินิจฉัยปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ซึ่งท่านอาจจะต้องใช้บริการมืออาชีพช่วย จงตรวจสอบยางของท่านอย่างน้อยเดือนละครั้ง และก่อนหรือหลังการเดินทางที่ยาวนาน
การตรวจและบำรุงรักษายางเป็นประจำจะช่วยยืดอายุยางได้ แต่ยางทั้งหมดก็ต้องสึกหรอไปตามกาลเวลา อายุของยางจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยการขับขี่รถของท่าน ภูมิอากาศของสถานที่ที่ท่านพักอาศัยอยู่ และการบำรุงรักษายางของท่านดีเพียงใด ยางทั้งหมดย่อมมีการสึกและเสียหายและต้องเปลี่ยนในท้ายที่สุด
Cr.www.goodyear.co.th